วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

ประเทศไทยเปลี่ยนไปแค่ไหนกันนะ :)

                                           ดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบสุริยะจักรวาล


                                   สถานที่ที่เมื่อหลายพันล้านปีก่อน มีเพียงสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวอาศัยอยู่เท่านั้น พร้อมทั้งฝุ่นละอองจากการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคเริ่มแรก  !
                                  เมื่อเวลาผ่านไป พัดเม็ดทรายวันแล้ววันเล่า ทะเลทรายอาจกลายเป็นทะเลเขียวมรกต สาหร่าย พืชน้ำ หลากหลายชนิด และเมื่อเวลาหมุนเวียนจนถึงจุดๆหนึ่ง วิถีชีวิตของมนุษย์ก็เริ่มต้นขึ้น ...


                              ณ  ประเทศไทย ในยุคที่คนสมัยใหม่อาจเรียกว่า 'ล้าหลัง เชยเป้ยเห่ย' :)
   ณ ตลาดสมัยก่อน ทางเดินของชีวิตในสมัยที่ผ้านุ่ง โจงกระเบนยังเป็นที่นิยม



ไม่มีใครจะสามารถแยกพุทธศาสนาที่คนไทยเลื่อมใสมาช้านาน ออกจากชีวิตประจำวันของพวกเขาได้
และนี้คือภาพที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในสมัยนี้
อิริยาบถของชายที่ใส่บาตรเขาย่อตัวลงต่ำ เพื่อแสดงความนอบน้อมต่อบรรพชิต
แต่งกายเรียบร้อยมิดชิด ผ้าที่ชายชาวบ้านห่มเฉวียงบ่า เป็นการห่มแบบแสดงคารวะ



รูปคนกำลังตำข้าวและฝัดข้าว





รูปเรือนแพ


                                                                  ปัจจุบัน เปรียบเทียบกับอดีตที่งดงาม


                                                                        ตลาด


 ตักบาตร




          คนตำข้าว




เรือนแพ




* ต้องขอบคุณคนไทย ที่ไม่ว่าจะสมัยไหน เทคโนโลยีเข้ามามากน้อยเพียงใด ยังธำรงอยู่ซึ่งวัฒนธรรมได้  คุณคิดว่ามันยากไหม ? กับการที่รักษาวัฒนธรรมมาได้ไม่ว่าเวลานั้นผ่านมากี่ร้อยปี :)
หากคุณไม่สามารถทำได้ขนาดนี้ ... คุณเพียงไม่ทำลาย
'วัฒนธรรมไทยก็จะคงอยู่ตราบนานเท่านาน'


คำเตือน : อย่าทำร้ายประเทศไทยไปมากกว่านี้เลย
                                         

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ใครอยากเป็นหมอ(ฟัน) ?

ใครเรียนสายวิทย์ - คณิต ?
ใครชอบเรียนรู้สิ่งที่ทฤษฎีและการทดลองสามารถอธิบายได้ ?
และ ใครเป็นคนเสียสละ รับผิดชอบ เรียนดี ? เชิญทางนี้ ! เร่เข้ามา
........................................................................................................... ..............................................
* วันนี้จะมาอธิบายเกี่ยวกับหมอฟัน คร่าว (ย้ำ คร่าววววววววววววววว !นะจ้ะ)


1. เรียน 6 ปี แพทย์ ทันตแพทย์ ค่อนข้างช้ากว่าคณะอื่น 2 ปี (รักสถาบันจนไม่อยากจบ ฮ้าๆ)
ปี 1(ข้อสอบโหดกว่ามอปลายแต่คล้ายๆปรับพฐ.มอปลายนะ)
ปี 2 (เริ่มเข้าบทเรียนวิชาคณะจริงๆ วุ้วว !)
ปี 3 (แนวๆปีสอง ล่ะมั้ง เอิ้ก ๆแต่ยากและลึกกว่าเดิม สะใจ!!!!! )
ปี4 (จดเยอะนะ เข้าLAB ไม่ค่อยเน้นภาคปฏิบัติมาก)
ปี 5-6 (ได้เรียนคลินิก อันที่จริงตั้งแต่ปี4-6 เอิ้ก ๆ)


ที่สำคัญ : เรียนเพื่อให้ หรูเริ่ดเชิดหน้าชูตระกูล ได้ อย่าเลย ไม่คุ้มหรอกชีวิต หก ปีเต็มๆ ที่คุณจะมีความสุขเพียงแค่ช่วงสั้นๆ เมื่อรู้ว่า'yess' หม่าหม๊า ป่ะป๊า หนูสอบติดทันตะแล้วล่ะ'
กับความรู้สึกเมื่อไม่ใช่สิ่งที่ชอบจริงๆ 'ป่ะป๊า หม่าม๊า หนูเครียด ทันตะเรียนหนักก็หนัก ยากก็ยาก ให้ท่องจำเต็มไปหมด นี่ถ้าเกรดไม่ดี ก็อดเข้าคลีนิกอีกแน่เลย หนูเครียดดดดดดดดดดดดดด ' 

เรื่องนี้สะท้อนสภาพชีวิตของเด็กมอปลาย
ได้ดีอีกเรื่องหนึ่ง ...

                                                                                                                                                                                                                    

  -มอต้น ตั้งใจเรียนเต็มที่ คว้าเกรดสวยๆมากอด แต่หัดบ้าบิ่นมั่งนะ เครียดเกินไม่ไหวๆ ;(

  -มอปลาย ฟิตกวดวิชา ที่ดังๆ เช่น เคมี อ.อุ๊  , enconcept, อ.สมศรี ,ดาว๊อง,อ.เจี๋ย, sup'k center,the brain ฟิตกันเข้าไป ! (ขออภัยที่ยกตัวอย่างสถาบันกวดวิชามาไม่หมด เพราะจำไม่ไหว)
ข้อดี :: กวดวิชาเป็นการสรุปเรื่องสำคัญๆ และสูตร เทคนิก ต่างๆไว้ใช้ทำข้อสอบ (บางที่เป็นแหล่งรวมข้อสอบเกก่าหลายสิบพ.ศ.ออกวางจำหน่ายด้วยซ้ำไป ^^)
- ที่สำคัญ ทำข้อสอบเก่าเยอะ ๆ ย้อนหลังสัก 10 พ.ศ. 'ฟังดูเว่อร์ แต่ศักดิ์สิทธิ์ !'

การเตรียมตัวมาตั้งแต่มัธยมปลาย วันนี้ คือ วันสำคัญ ที่เหมือน
กับการให้รางวัลชีวิตนี่เอง :)

2. เคล็ดลับ
 * อ่านหนังสือล่วงหน้าก่อนเปิดเทอมให้เยอะๆ {ซึ่งเราไม่เคยอ่าน -*-}
 * เปิดเนื้อหาผ่านๆอันไหนท่าจะหนัก ก็หาความรู้เพิ่มซะ ! {เผื่อไม่ติดขัดเวลาเรียนกับเพื่อนเค้า :D}
 * ทำงานส่งอาจารย์ให้บ่อย ๆ {สั่ง 10 ส่งซัก 15 เลย เป็นไง ฮ้าๆ}
 * ตั้งใจเลกเชอร์ให้เยอะ ๆ
ปล. บอกมา 4 อย่าง ทำแค่ อย่างเดียว เหอะ ๆ TT    เหนื่อยใจ !

ภาพนี้หวังว่าคงไม่เกิดในห้องสอบ
เราไม่ควรเอาเปรียบคนอื่นด้วยวิธีนี้
'เตรียมตัวดี มีชัยไปกว่าครึ่ง'